Wednesday, October 7, 2009

“โมบาย เอกซโป 2009” 4 วันเงินสะพัด 1.1 พันล้าน

“ไทยแลนด์ โมบายเอกซโป 2009” เปิดฉากคึกคัก หวังรายได้ 1,100 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากครั้งที่ผ่านมา แบรนด์ใหญ่ตบเท้าเข้าร่วมงาน หลังสัญญาณผู้บริโภคเริ่มฟื้น หลังตลาดมือถือซบเซาเมื่อต้นปี เหตุเศรษฐกิจการเมืองลดความเชื่อมั่นประชาชนถดถอย คาดมีผู้เข้าชมงานประมาณ 7 แสนคน ลดลง 10%

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด กล่าวว่า การจัด “งานไทยแลนด์ โมบายล์ เอกซโป 2009 โชว์เคส” ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 7 แสนคน ซึ่งลดลงจากที่เคยจัดเมื่อต้นปีถึง 10% อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจำนวนผู้เข้าชมจะลดลงแต่ยอดเงินสะพัดน่าจะไม่แตกต่างกับครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เป็นการส่งสัญญาณแสดงว่าการใช้จ่ายต่อคนยังมีอัตราที่สูงขึ้น โดยจากการสำรวจแนวโน้มตลอดการจัดงาน 5 ครั้งที่ผ่านมา มีอัตราการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นเป็น 4,000-8,000 บาท จากเดิมอยู่ที่ต่ำกว่า 4,000 บาท

“การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดเข้ามาในงาน 1,100 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องของไข้หวัด 2009 และพายุที่เกิดขึ้น ทำให้การเดินทางไม่สะดวก ขณะที่จำนวนคนเดินภายในงานน่าจะอยู่ที่ 7 แสนราย ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม แต่เรายังเชื่อว่าแนวโน้มตลาดมือถือในไตรมาส 4 น่าจะยังไปได้ดี เพราะสัญญาณการซื้อขายเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนบรรยากาศสำหรับการออกร้านของแบรนด์ต่างๆ ในงานครั้งนี้ ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งอินเตอร์แบรนด์ที่มีสัดส่วนพื้นที่ถึง 70% และเฮาส์แบรนด์อยู่ที่ 30% ขณะที่ราคามือถือสังเกตว่าจะเน้นไปที่เครื่องมือถือที่มีราคาสูง และมาพร้อมกับลูกเล่น ฟังก์ชั่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะมือถือระบบทัชโฟน ที่แนวโน้มตลาดเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนมือถือราคาถูกส่วนใหญ่จะเป็นเฮาส์แบรนด์ ที่เน้นฟังก์ชั่นการดูทีวี ที่เป็นที่สนใจในปัจจุบัน

ด้านนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัทไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดมือถือช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะผู้บริโภคมีการจับจ่ายมากขึ้น ผนวกกับเทคโนโลยีในมือถือเปลี่ยนไปสู่ระบบสัมผัส (ทัชโฟน) ทำให้ผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ และแนวโน้มความต้องการมือถือทัชโฟนจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า

ทั้งนี้ ยอดขายช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของซัมซุงมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 30-40% (ในแง่ปริมาณ) หรืออยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่องจากทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 ล้านเครื่อง และในปีนี้ซัมซุงคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 35% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 20%

สำหรับไฮไลท์ของ ซัมซุง ในครั้งนี้ ได้เปิดตัว “ซัมซุง แคนดี้” ทัชโฟนราคา 5,990 บาท โดยจะเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นและตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นสินค้าเรือธงที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ซัมซุง เพราะเป็นระดับราคาที่กระตุ้นตลาดทัชโฟน และลงมาตีตลาดเครื่องที่ราคาประมาณ 3,000-5,000 บาทด้วย
“ซัมซุงแคนดี้ ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นเครื่อง โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนจากการใช้เฮาส์แบรนด์มาใช้อินเตอร์แบรนด์ น่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ 5% จะทำให้ซัมซุงเข้าใกล้ผู้นำตลาดมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ที่จะแซงในปลายปีนี้”

นอกจากนี้ ซัมซุงยังเตรียมเปิดตัว ซัมซุง สตาร์ ทีวี มือถือดูทีวีได้ของอินเตอร์แบรนด์ รายแรกและรายเดียวของโลก และขายที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะส่วนแบ่งตลาดทีวีโมบาย มีประมาณ 12% และเป็นของเฮาส์แบรนด์ทั้งหมด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่จะกระตุ้นยอดขายปลายปี ให้ซัมซุงขึ้นอันดับ 1

ส่วนการที่ซัมซุงออกมือถือทัชสกรีนราคาไม่ถึง 6 พันบาท จะช่วยหนุนตลาดให้ผู้ใช้รู้จักคุ้นเคยมากขึ้น แต่ไม่ใช่คู่แข่งของบริษัท เพราะสเปกเครื่องเน้นวัยรุ่น แต่บริษัทมีโทรศัพท์ราคาเดียวกัน หากมีฟังก์ชั่นมากกว่า

นายฑิตพล จันทรอุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวว่า สภาวะตลาดโดยรวมยังแข่งขันกันรุนแรง โดยมุ่งเรื่องราคาเป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนช่องทางการจัดจำหน่าย และศูนย์บริการ ซึ่งปกติคู่ค้าจะขายทุกแบรนด์ การให้ผลตอบแทนเป็นเพียงแรงจูงใจระยะสั้น คู่ค้าจะมองระยะยาวที่ตัวเครื่องไม่มีปัญหา ผลกำไรใช้ได้ และไม่ทอดทิ้งกัน

นายฑิตพล กล่าวว่า ในส่วนของไอ-โมบาย ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 6 รุ่นใหม่ จาก 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ และมีแผนจะเปิดอีก 10 รุ่นภายในสิ้นปีนี้ โดยเครื่องราคาที่ขายดีจะอยู่ที่ 2,000 บาท และ 5,000 บาท ส่วน 3,000-4,000 บาทเป็นราคาที่เข้ามาแล้วหายไป

นายมานพ มณีชวขจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับยอดขายของบริษัทช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากบริษัทได้เปิดตัวสินค้าที่มีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินค้าของบริษัทจะเน้นไปที่ราคาไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ทำให้สินค้าของเราไม่ต้องแข่งขันเรื่องราคากับรายอื่นๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำการรีเฟรชชิ่งแบรนด์ ขึ้นใหม่ โดยได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ ภายใต้ข้อความ Make.belive ซึ่งเป็นสโลแกนเดียวกันกับบริษัท โซนี่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเร็วๆ นี้ โดยนำสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาให้กับผู้บริโภค และเน้นการทำตลาดที่หลากหลายมากขึ้น

“แนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือมีทิศทางที่ดีขึ้น มีสัญญาณในเชิงบวก โดยเฉพาะการอัดฉีดเงินของรัฐบาล หลังจากตลาดชะลอตัวช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าไตรมาส 4 จะมีการแข่งขันที่ดุเดือด เพราะเข้าสู่ช่วงปีใหม่”

นายกิตติพงศ์ กิตติภัสสร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังเริ่มกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น จำนวนยอดขายมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าระบบ สร้างความรู้สึกกล้าจับจ่ายแก่ลูกค้า ส่วนราคาเครื่องที่นิยมจะปรับลดจาก 3,000 บาท เหลือ 2,000-2,500 บาท

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่บลูเบอร์รี 8 (บีบี8) ในกลุ่มบิซิเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โมบายโฟน เจาะกลุ่มวัยรุ่นและนักธุรกิจที่นิยมสื่อสาร แชต อีเมลมากขึ้นกว่าการโทร ราคา 4,990 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจุดเด่นต่อมา อยู่ที่ค่ายจากอินเตอร์แบรนด์ เริ่มตั้งแต่ไมโครซอฟท์ที่ตอนแรกจะเปิดตัว “วินโดว์ส โฟน” อย่างเป็นทางการ หลังจากใช้ในเครื่องเอชทีซี ทัช 2 มาแล้ว แต่ได้เลื่อนการเปิดตัวออกไปพร้อมกันทั่วโลก 6 ต.ค.นี้ แต่มีบูธขนาดใหญ่ "วินโดว์ส โฟน” โดดเด่นอยู่หน้างาน

ขณะที่ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวจีเอ็ม730 อีซีสมาร์ทโฟน ในคอนเซ็ปต์ “ง่าย...สนุกทุกฟังก์ชั่น” และรุ่น จีที 505 มือถือทัชโฟนพร้อมระบบนำทางจีพีเอส ไวส์ ไพล็อต เนวิเกเตอร์ ซึ่งเป็น 2 รุ่นไฮไลท์ และมีอีก 2 รุ่น คือ แอลจี วิวตี้ สมาร์ท มือถือกล้อง 8 ล้านพิกเซล และแอลจี จีดี 900 คริสตัล โทรศัพท์มือถือดีไซน์ โปร่งใส เครื่องแรกของโลก

นอกจากนี้ สำหรับ อินเตอร์แบรนด์อย่าง บริษัท โนเกีย ประเทศไทย ได้นำเครื่อง เอ็น 97 มินิ มาเปิดตัวให้ได้เห็นตัวจริงกันครั้งแรก ก่อนจะวางจำหน่ายปลายเดือน ต.ค. ในราคา 21,100 บาท และยังมีรุ่น เอ็น 900 , เอ็กซ์ 6 , เอ็กซ์ 3 และอี 72 รวมถึงสมาร์ทโฟนอื่นๆ เช่น การ์มิน-อัสซุส, เอเซอร์, ไอโฟน 3จีเอส และแบล็กเบอร์รี เฮ้าส์แบรนด์ อีกด้วยสำหรับ เฮาส์แบรนด์ที่ลดแลกแจกแถมสุดฤทธิ์ มากกว่า 10 ราย ให้เลือกตามโปรโมชั่นราคาพิเศษตั้งแต่ 890 บาทเป็นต้นไป

Nokia ขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ต เดินหน้าซื้อกิจการ "Dopplr"

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้กระแสของโทรศัพท์มือถือทั้งที่พูดกันทั่วไปและที่ปรากฏตามสื่อ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศมักจะวนเวียนอยู่แต่กับแบล็คเบอร์รี่ หรือไม่ก็ไอโฟน แต่ในด้านส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือของทั้งโลกแล้ว "โนเกีย" ก็ยังคงเป็นเจ้าของตลาดนี้อยู่นั่นเอง ต่อให้ขีดวงจำกัดเฉพาะตลาดสมาร์ตโฟน โนเกียก็ยังคงนำแบบทิ้งห่างจากเจ้าอื่นๆ อยู่ดี (ส่วนหนึ่งเพราะ โนเกีย เจาะตลาด Mass ซึ่งครอบคลุมหลายกลุ่มเป้าหมาย หลายกลุ่มผู้ใช้งาน)

ทว่า ปัญหาที่ก่อตัวมานานแล้วก็คือ ส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวแม้จะยังทิ้งห่างจาก คู่แข่งรายอื่นๆ อยู่มาก ก็ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง พูดอีกแบบก็คือ เส้นโค้งการเติบโตของโนเกียเลยจุดสูงสุดไปแล้ว ในวงการไอทีมีไม่กี่บริษัทที่สามารถรักษาระดับของตัวเองไว้ได้อย่างยาวนาน

จะสังเกตเห็นความพยายามที่จะปรับตัวของโนเกียเป็นระยะๆ แม้จะเป็นไปอย่างเชื่องช้าก็ตาม

ล่าสุดมีข่าวว่า โนเกียเข้าไปซื้อกิจการของบริษัท Dopplr ซึ่งเป็นบริษัทในอังกฤษเจ้าของเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยว เดินทางที่เป็นแบบบูติค และเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วยในตัว คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 600 ล้านบาท

เว็บไซต์ Dopplr.com เป็นบูติคแทรเวลไซต์ที่จับตลาดบนสำหรับคนชอบท่องเที่ยวแบบพิเศษเฉพาะให้บริการข้อมูล การวางแผนการเดินทางท่องเที่ยว ตลอดจน คำแนะนำและชุมชนสำหรับคนคอเดียวกัน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 นี่เอง จุดเด่นเป็นอย่างมากของ Dopplr คือการแชร์แผนการท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูงหรือคนในกลุ่มที่เลือก และยังมีบริการผ่านโทรศัพท์มือถือด้วย

เป็นเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในแวดวงของคนที่ต้องการความแตกต่าง แม้แต่จิมมี่ เวลส์ ผู้ก่อตั้งวิกิพีเดียก็ยังเป็นสมาชิกผู้ใช้บริการและเป็นหนึ่งในเว็บไซต์โปรดของเขาเลยทีเดียว

แม้ Dopplr จะไม่ใช่ตลาดแมส แต่ก็อยู่ในตลาดที่มีโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก

การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นสัญญาณอีกครั้งที่บอกถึงการปรับตัวของโนเกียเพื่อเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนในการเข้าซื้อบริษัทผู้ให้บริการแผนที่ Navteq

ความพยายามที่จะผสานความเป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถือเข้ากับธุรกิจอินเทอร์เน็ตของโนเกีย จะส่งผลในระยะยาวออกมาในรูปไหนเป็นเรื่องน่าติดตามไม่น้อยไปกว่าการยกเครื่องระบบปฏิบัติการซิมเบียน ที่ดำเนินมาอย่างค่อนข้างเชื่องช้า

จะลบคำสบประมาทที่มีบางคนล้อกันเล่นว่า โนเกียคือ "ยาฮู" ของวงการโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่

แอพฯใหม่ไอโฟนสามารถรันแฟลช

ทีมนักพัฒนาโปรแกรมของอะโดบีประสบความสำเร็จในการแปลรหัสโปรแกรมแฟลช ( F l a sh ) เพื่อทำให้โปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถทำงานบนไอโฟนได้ ซึ่งการแปลรหัสในครั้งนี้เท่ากับเป็นการติดปีกให้กับผลิตภัณฑ์จากค่ายแอปเปิล เพราะจะทำให้ไอโฟนสามารถใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆได้มากมายยิ่งขึ้น
เดิมภาษาของ "แฟลช" โปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์จำกัด ไม่สามารถรันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ได้ ซึ่งอะโดบีใช้เวลา 2-3 ปี ในการประนีประนอมกับแอปเปิลเพื่อให้โปรแกรมของพวกเขาทำงานบนไอโฟนได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากแอปเปิลไม่เห็นชอบด้วย จนกระทั่งอะโดบีประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยให้เปลี่ยนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในรูปซอฟต์แวร์ที่ถูกเขียนขึ้นโดยภาษาแฟลชสามารถทำงานบนไอโฟนได้ นอกจากนี้เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่สนใจผ่านทางแอปป์ สโตร์ (App store) หรือร้านค้าแอพพลิเคชั่นออนไลน์ของแอปเปิลได้อีกด้วย
แฟลชเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงมากทั้งจากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทที่ตกลงทำธุรกิจกับอะโดบีมีตั้งแต่กูเกิล ไมโครซอฟท์และปาล์ม มีเพียงไอโฟนจากแอปเปิล ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะร่วมกับอะโดบี อย่างไรก็ดี การแถลงข่าวครั้งนี้ของอะโดบียังไม่มีปฏิกิริยาตอบรับจากบริษัทแอปเปิลแต่อย่างใด
ทั้งนี้ อะโดบีมีกำหนดเปิดตัวเครื่องมือเวอร์ชั่นทดสอบสู่สาธารณชนในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่แน่นอน

ลือแอปเปิลเตรียมขายเมาส์ใหม่"มัลติทัช"พร้อมเครื่องไอแม๊ค

ข่าวลือสะพัดทั่วอินเทอร์เน็ต ระบุว่าแอปเปิลเตรียมเปิดตัวเมาส์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีมัลติทัช (อีกครั้ง) ในเร็วๆนี้ แหล่งข่าววงในเผยอาจวางจำหน่ายพร้อมไอแมค (iMac) รุ่นใหม่ในไม่กี่เดือนนับจากนี้ เนื่องจากช่วงเวลาที่แอปเปิลมักอัปเดทผลิตภัณฑ์ตระกูลไอแมคนั้นใกล้เข้ามาทุกที
ข่าวลือนี้เกิดจากแหล่งข่าววงในของเว็บไซต์ AppleInsider ซึ่งให้ข้อมูลว่าเมาส์รุ่นใหม่ของแอปเปิลจะทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสและเคาะนิ้วเบาๆเพื่อสั่งงานเครื่องได้ไม่ต่างจากการสัมผัสหน้าจอไอโฟน ไอพ็อด หรือแทรคแพดในแมคบุ๊ก (MacBook trackpad)
แหล่งข่าวนิรนามระบุด้วยว่า เมาส์เทคโนโลยีสัมผัสของแอปเปิลจะถูกวางจำหน่ายพร้อมกับไอแมครุ่นใหม่ในเร็ววันนี้ จุดนี้มีการยอมรับว่าเป็นไปได้สูง เนื่องจากไอแมครุ่นล่าสุดนั้นถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ตามตารางอัปเดทผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลนั้นมักอัปเดทไอแมคทุกๆ 7 เดือน นับแล้วมีโอกาสมากที่แอปเปิลจะเปิดตัวไอแมคในช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ข้อมูลจากแอปเปิลอินไซเดอร์ระบุว่า เมาส์รุ่นใหม่จะไม่มีลูกบอลในเมาส์เช่นในเมาส์ Mighty Mouse เมาส์ปุ่มเดียวที่แอปเปิลนำมาใช้กับเครื่องแมคอินทอชตั้งแต่ปี 2005 แต่จะใช้เทคโนโลยีการตอบสนองกับแรงเฉื่อยซึ่งใช้ในไอพ็อดและไอโฟนแทน เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะของแอปเปิลนี้จะสามารถจำแนกว่าผู้ใช้ต้องการเลื่อนหน้าขึ้นลงอย่างรวดเร็ว (scroll) หรือเลือกปุ่มที่ต้องการได้จากลักษณะการสัมผัสพื้นผิวเมาส์
รายงานระบุด้วยว่า การทำงานของเมาส์ใหม่จะมีลักษณะไม่ต่างจากแทรคแพดของแมคบุ๊ก ทำให้สาวกแอปเปิลสามารถ"จีบ-ถ่าง"หรือการจรด 2 นิ้วที่จุดเดียวกันแล้วเลื่อนนิ้วออกจากกันเพื่อขยายรูปภาพได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังจะมีเทคโนโลยีเพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการสัมผัส และเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะทำให้การคลิกเมาส์ด้วยการสัมผัสทำได้ง่ายกว่าการกดเมาส์ในอดีต
แหล่งข่าวนิรนามคาดว่าเมาส์รุ่นใหม่จะถูกเปิดตัวพร้อมไอแมครุ่นใหม่ เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแมคอินทอชรุ่นใหม่จะถูกเปิดตัวในไม่นานนี้ด้วย
แอปเปิลปฏิวัติเทคโนโลยีเมาส์คอมพิวเตอร์แมคอินทอชครั้งล่าสุดเมื่อปี 2005 ครั้งนั้นแอปเปิลนำ "แทรคบอล" ปุ่มวงกลมขนาดจิ๋วมาติดไว้บน Mighty Mouse ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนตัวชี้บนหน้าจอได้โดยไม่ต้องเลื่อนตัวเมาส์ ทิ้งรูปแบบมาตรฐานของเมาส์ที่ประกอบด้วยปุ่ม 2 ปุ่มทิ้งไปอย่างกล้าหาญ และได้รับความชื่นชมจากแฟนแอปเปิลอย่างถล่มทลาย
เช่นเคย ไม่มีรายงานความเห็นจากตัวแทนแอปเปิลใดๆในขณะนี้

หลับฝันดีด้วย โปรแกรม Sleep Machine!!!!!





"ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน หลับเต็มตื่น" ไม่ใช่ชุดเครื่องนอนโตโต้ แต่เป็นโปรแกรมที่ช่วยคนหลับยากให้สามารถหลับฝันดีได้อย่างสบาย ด้วยโปรแกรมที่ชื่อ Sleep Machine ที่มาพร้อมกับเพลงในบรรยากาศชวนฝัน ให้รู้สึกความผ่อนคลาย ถึง34 แบบ เช่น บรรยากาศเสียงจากหาดทราย เสียงฝนตก เสียงน้ำตก เป็นต้น สามารถใช้งานได้ง่าย และตั้งเวลาปิด หรือปลุกได้ โดยรองรับทั้ง iPhone และ iPodTouch ตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.2 ขึ้นไป


Thursday, February 19, 2009

เกมส์ Tomb Raider บน iPhone และ iPod Touch

ค่ายเกม EA (Electronic Art) ได้ทำการประกาศครั้งใหญ่ในการได้รับสิทธิถูกต้องตามกฎหมายในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเกมส์จากค่าย Eidos ซึ่งได้รวมถึง 4 เกมส์ยอดนิยมจากค่ายนี้ และเกมส์อื่นๆ ที่จะตามมาในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งได้แก่ Tomb Raider Underworld, California Games X, Minesweeper และ Just Cause  ซึ่งแน่นอนเกมเหล่านี้จะถูกพัฒนาและจำหน่ายบน iTunes ในเร็วๆ นี้

Monday, February 9, 2009

ข่าวลือ: Apple วางแผนจัดหา "พรีเมียมเกมส์" ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ PSP (Playstation Portable) โดยมีสนนราคา 700 บาทต่อเกมส์

ได้มีข่าวลือว่า Apple กำลังวางแผนจัดหา "พรีเมียมเกมส์" ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ PSP (Playstation Portable) มาจำหน่าย เนื่องด้วยเมื่อเทียบจากความสามารถของเครื่องแล้ว เครื่อง iPod หรือ iPhone มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่อง PSP ทั้งในแง่ CPU หรือ Rom ที่มีอยู่ในตัว โดยในข่าวลือมีการแจ้งว่า เกมส์จะมีสนนราคา 700 บาทต่อเกมส์ โดยอ้างจากเว็บไซต์ PocketGame.biz  เ กมส์ต่างๆจะถูกจัดวางขึ้นเป็น Section ใหม่ในร้าน iTune Store อย่างไรก็ตามจะมีการจำกัดจำนวนของผู้ผลิตเกมส์ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีกำหนดระยะเวลาในการเริ่มจำหน่ายแต่อย่างใด เหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายคงต้องอดใจรอและติดตามอีกครั้ง