Wednesday, October 7, 2009

“โมบาย เอกซโป 2009” 4 วันเงินสะพัด 1.1 พันล้าน

“ไทยแลนด์ โมบายเอกซโป 2009” เปิดฉากคึกคัก หวังรายได้ 1,100 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากครั้งที่ผ่านมา แบรนด์ใหญ่ตบเท้าเข้าร่วมงาน หลังสัญญาณผู้บริโภคเริ่มฟื้น หลังตลาดมือถือซบเซาเมื่อต้นปี เหตุเศรษฐกิจการเมืองลดความเชื่อมั่นประชาชนถดถอย คาดมีผู้เข้าชมงานประมาณ 7 แสนคน ลดลง 10%

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด กล่าวว่า การจัด “งานไทยแลนด์ โมบายล์ เอกซโป 2009 โชว์เคส” ระหว่างวันที่ 1-4 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานประมาณ 7 แสนคน ซึ่งลดลงจากที่เคยจัดเมื่อต้นปีถึง 10% อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจำนวนผู้เข้าชมจะลดลงแต่ยอดเงินสะพัดน่าจะไม่แตกต่างกับครั้งที่ผ่านมา นั่นก็เป็นการส่งสัญญาณแสดงว่าการใช้จ่ายต่อคนยังมีอัตราที่สูงขึ้น โดยจากการสำรวจแนวโน้มตลอดการจัดงาน 5 ครั้งที่ผ่านมา มีอัตราการใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นเป็น 4,000-8,000 บาท จากเดิมอยู่ที่ต่ำกว่า 4,000 บาท

“การจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดเข้ามาในงาน 1,100 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยภายนอกทั้งเรื่องของไข้หวัด 2009 และพายุที่เกิดขึ้น ทำให้การเดินทางไม่สะดวก ขณะที่จำนวนคนเดินภายในงานน่าจะอยู่ที่ 7 แสนราย ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวก็ตาม แต่เรายังเชื่อว่าแนวโน้มตลาดมือถือในไตรมาส 4 น่าจะยังไปได้ดี เพราะสัญญาณการซื้อขายเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนบรรยากาศสำหรับการออกร้านของแบรนด์ต่างๆ ในงานครั้งนี้ ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งอินเตอร์แบรนด์ที่มีสัดส่วนพื้นที่ถึง 70% และเฮาส์แบรนด์อยู่ที่ 30% ขณะที่ราคามือถือสังเกตว่าจะเน้นไปที่เครื่องมือถือที่มีราคาสูง และมาพร้อมกับลูกเล่น ฟังก์ชั่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะมือถือระบบทัชโฟน ที่แนวโน้มตลาดเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนมือถือราคาถูกส่วนใหญ่จะเป็นเฮาส์แบรนด์ ที่เน้นฟังก์ชั่นการดูทีวี ที่เป็นที่สนใจในปัจจุบัน

ด้านนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัทไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดมือถือช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะผู้บริโภคมีการจับจ่ายมากขึ้น ผนวกกับเทคโนโลยีในมือถือเปลี่ยนไปสู่ระบบสัมผัส (ทัชโฟน) ทำให้ผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ และแนวโน้มความต้องการมือถือทัชโฟนจะเพิ่มขึ้นจนถึงปีหน้า

ทั้งนี้ ยอดขายช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของซัมซุงมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 30-40% (ในแง่ปริมาณ) หรืออยู่ที่ 1.5 ล้านเครื่องจากทั้งปีที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 ล้านเครื่อง และในปีนี้ซัมซุงคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 35% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 20%

สำหรับไฮไลท์ของ ซัมซุง ในครั้งนี้ ได้เปิดตัว “ซัมซุง แคนดี้” ทัชโฟนราคา 5,990 บาท โดยจะเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นและตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นสินค้าเรือธงที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ซัมซุง เพราะเป็นระดับราคาที่กระตุ้นตลาดทัชโฟน และลงมาตีตลาดเครื่องที่ราคาประมาณ 3,000-5,000 บาทด้วย
“ซัมซุงแคนดี้ ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นเครื่อง โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนจากการใช้เฮาส์แบรนด์มาใช้อินเตอร์แบรนด์ น่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ 5% จะทำให้ซัมซุงเข้าใกล้ผู้นำตลาดมากขึ้นและมีความเป็นไปได้ที่จะแซงในปลายปีนี้”

นอกจากนี้ ซัมซุงยังเตรียมเปิดตัว ซัมซุง สตาร์ ทีวี มือถือดูทีวีได้ของอินเตอร์แบรนด์ รายแรกและรายเดียวของโลก และขายที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะส่วนแบ่งตลาดทีวีโมบาย มีประมาณ 12% และเป็นของเฮาส์แบรนด์ทั้งหมด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่จะกระตุ้นยอดขายปลายปี ให้ซัมซุงขึ้นอันดับ 1

ส่วนการที่ซัมซุงออกมือถือทัชสกรีนราคาไม่ถึง 6 พันบาท จะช่วยหนุนตลาดให้ผู้ใช้รู้จักคุ้นเคยมากขึ้น แต่ไม่ใช่คู่แข่งของบริษัท เพราะสเปกเครื่องเน้นวัยรุ่น แต่บริษัทมีโทรศัพท์ราคาเดียวกัน หากมีฟังก์ชั่นมากกว่า

นายฑิตพล จันทรอุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวว่า สภาวะตลาดโดยรวมยังแข่งขันกันรุนแรง โดยมุ่งเรื่องราคาเป็นส่วนใหญ่ ตลอดจนช่องทางการจัดจำหน่าย และศูนย์บริการ ซึ่งปกติคู่ค้าจะขายทุกแบรนด์ การให้ผลตอบแทนเป็นเพียงแรงจูงใจระยะสั้น คู่ค้าจะมองระยะยาวที่ตัวเครื่องไม่มีปัญหา ผลกำไรใช้ได้ และไม่ทอดทิ้งกัน

นายฑิตพล กล่าวว่า ในส่วนของไอ-โมบาย ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 6 รุ่นใหม่ จาก 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ และมีแผนจะเปิดอีก 10 รุ่นภายในสิ้นปีนี้ โดยเครื่องราคาที่ขายดีจะอยู่ที่ 2,000 บาท และ 5,000 บาท ส่วน 3,000-4,000 บาทเป็นราคาที่เข้ามาแล้วหายไป

นายมานพ มณีชวขจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับยอดขายของบริษัทช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากบริษัทได้เปิดตัวสินค้าที่มีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินค้าของบริษัทจะเน้นไปที่ราคาไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ทำให้สินค้าของเราไม่ต้องแข่งขันเรื่องราคากับรายอื่นๆ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำการรีเฟรชชิ่งแบรนด์ ขึ้นใหม่ โดยได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ ภายใต้ข้อความ Make.belive ซึ่งเป็นสโลแกนเดียวกันกับบริษัท โซนี่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเร็วๆ นี้ โดยนำสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาให้กับผู้บริโภค และเน้นการทำตลาดที่หลากหลายมากขึ้น

“แนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือมีทิศทางที่ดีขึ้น มีสัญญาณในเชิงบวก โดยเฉพาะการอัดฉีดเงินของรัฐบาล หลังจากตลาดชะลอตัวช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าไตรมาส 4 จะมีการแข่งขันที่ดุเดือด เพราะเข้าสู่ช่วงปีใหม่”

นายกิตติพงศ์ กิตติภัสสร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังเริ่มกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น จำนวนยอดขายมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าระบบ สร้างความรู้สึกกล้าจับจ่ายแก่ลูกค้า ส่วนราคาเครื่องที่นิยมจะปรับลดจาก 3,000 บาท เหลือ 2,000-2,500 บาท

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่บลูเบอร์รี 8 (บีบี8) ในกลุ่มบิซิเนส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โมบายโฟน เจาะกลุ่มวัยรุ่นและนักธุรกิจที่นิยมสื่อสาร แชต อีเมลมากขึ้นกว่าการโทร ราคา 4,990 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจุดเด่นต่อมา อยู่ที่ค่ายจากอินเตอร์แบรนด์ เริ่มตั้งแต่ไมโครซอฟท์ที่ตอนแรกจะเปิดตัว “วินโดว์ส โฟน” อย่างเป็นทางการ หลังจากใช้ในเครื่องเอชทีซี ทัช 2 มาแล้ว แต่ได้เลื่อนการเปิดตัวออกไปพร้อมกันทั่วโลก 6 ต.ค.นี้ แต่มีบูธขนาดใหญ่ "วินโดว์ส โฟน” โดดเด่นอยู่หน้างาน

ขณะที่ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวจีเอ็ม730 อีซีสมาร์ทโฟน ในคอนเซ็ปต์ “ง่าย...สนุกทุกฟังก์ชั่น” และรุ่น จีที 505 มือถือทัชโฟนพร้อมระบบนำทางจีพีเอส ไวส์ ไพล็อต เนวิเกเตอร์ ซึ่งเป็น 2 รุ่นไฮไลท์ และมีอีก 2 รุ่น คือ แอลจี วิวตี้ สมาร์ท มือถือกล้อง 8 ล้านพิกเซล และแอลจี จีดี 900 คริสตัล โทรศัพท์มือถือดีไซน์ โปร่งใส เครื่องแรกของโลก

นอกจากนี้ สำหรับ อินเตอร์แบรนด์อย่าง บริษัท โนเกีย ประเทศไทย ได้นำเครื่อง เอ็น 97 มินิ มาเปิดตัวให้ได้เห็นตัวจริงกันครั้งแรก ก่อนจะวางจำหน่ายปลายเดือน ต.ค. ในราคา 21,100 บาท และยังมีรุ่น เอ็น 900 , เอ็กซ์ 6 , เอ็กซ์ 3 และอี 72 รวมถึงสมาร์ทโฟนอื่นๆ เช่น การ์มิน-อัสซุส, เอเซอร์, ไอโฟน 3จีเอส และแบล็กเบอร์รี เฮ้าส์แบรนด์ อีกด้วยสำหรับ เฮาส์แบรนด์ที่ลดแลกแจกแถมสุดฤทธิ์ มากกว่า 10 ราย ให้เลือกตามโปรโมชั่นราคาพิเศษตั้งแต่ 890 บาทเป็นต้นไป

No comments:

Post a Comment