Tuesday, January 20, 2009

คาดว่าในปี พ.ศ.2552 ยอดจำหน่ายไอโฟนจะมีมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท

 ถึงปี พ.ศ. 2552 กระแสความนิยมไอโฟน (iPhone) กำลังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 แอบเปิลได้เปิดตัวไอโฟนรุ่นล่าสุด ชื่อว่า “ไอโฟนทรีจี (iPhone3G)” โดยเพิ่มลูกเล่นให้สามารถใช้งานได้มากขึ้นและมีคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจหลายประการ อาทิ   รองรับระบบสามจี ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ “ไอทียู (International Telecommunication Union)” ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยีระหว่างสองจีกับสามจีแล้วจะพบว่าสามจีมีช่องสัญญาณความถี่และความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากกว่าสองจี ในแง่ของความสามารถในการเชื่อมต่อนั้นระบบสามจีสามารถเชื่อมต่อได้ตลอดเวลาที่เปิดเครื่องโทรศัพท์ และจะเสียค่าใช้บริการก็ต่อเมื่อเรียกใช้ข้อมูลผ่านระบบสามจีเท่านั้น   นอกจากนี้การใช้งานที่เด่นๆ ของไอโฟนมีหลายประการ อาทิ สามารถพูดคุยโทรศัพท์แบบเห็นหน้าเห็นตากับคู่สนทนาได้ซึ่งมีการเปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่น และมีระบบค้นหาตำแหน่งที่ตั้งผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ “จีพีอาเอส (GPRS = Global Positioning system)”  เป็นต้น 
          ในแง่ของราคานั้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไอโฟนกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถ ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้จำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ มีรายงานจาก “การ์ทเนอร์” คาดว่า ในปี พ.ศ. 2552 ยอดจำหน่ายของไอโฟนจะมีมูลค่า 50,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ1.7 ล้านล้านบาท ในขณะเดียวกันมีรายงานจาก “ไปเปอร์แจฟเฟรย์ (Piper Jaffray)”  คาดว่า ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2552 น่าจะสามารถจำหน่ายไอโฟนได้ 8.5 ล้านเครื่อง   ไตรมาสที่สองของปี พ.ศ. 2552 น่าจะจำหน่ายไอโฟนได้ 9.7 ล้านเครื่อง และไตรมาสที่สามของปี พ.ศ. 2552 น่าจะจำหน่ายไอโฟนได้11 ล้านเครื่อง 
          มีรายงานจาก “แอดม๊อบ (Admob)” ว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 มีผู้สนใจเรียกดูโฆษณาผ่านระบบไวไฟบนไอโฟนทั่วโลกเติบโตขึ้นร้อยละ 52 คิดเป็นมูลค่า 359 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 12,500 ล้านบาท  สำหรับการเรียกดูโฆษณาผ่านไวไฟบนไอโฟนทั่วโลกคิดเป็นร้อยละ 6.3   และสำหรับในสหรัฐอเมริกานั้นการเรียกดูโฆษณาผ่านไวไฟบนไอโฟนคิดเป็นร้อยละ 9.9 นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก “โมบายเมทริกส์รีพอท (Mobile Metrics Report) ว่าผู้ใช้ไอโฟนของแอปเปิลทั่วโลกสนใจที่จะใช้ระบบไวไฟร้อยละ 42 และในสหรัฐอเมริกาผู้ใช้ไอโฟนของแอปเปิลสนใจที่จะใช้ระบบไวไฟร้อยละ 19 ซึ่งจะเห็นได้ว่าความต้องการใช้ไวไฟกำลังเข้ามาแทนที่ความต้องการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแบบเดิม ทั้งนี้ ไอโฟนได้รับความนิยมมากกว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบไวไฟได้เฉลี่ยอยู่ระหว่างร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 20 
          นอกจากนี้เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2551 แอดม๊อบได้สำรวจแนวโน้มเกี่ยวกับระบบโทรศัพท์มือถือของ  แอปเปิล  คือ ไอพอดทัช พบว่า ไอพอดทัชเพิ่มขึ้น 3.4 เท่าจากเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 มีผู้สนใจใช้ไอพอดทัชซึ่งมีอยู่ 18 ล้านรายในเดือนกรกฎาคม 2551 เพิ่มขึ้นเป็น 292 ล้านรายในเดือนธันวาคม 2551  ข้อมูลที่ส่งผ่านไอพอดทัชทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.4 เท่าจาก 7 วันก่อนคริสต์มาสและ 7 วันหลังวันคริสต์มาส สำหรับอังกฤษและสหรัฐอเมริกานั้นมีผู้สนใจใช้ไอพอดทัชเพิ่มขึ้นคิดเป็น 2.7 และ3.2 เท่า 7 วันหลังวันคริสต์มาสตามลำดับในเดือนธันวาคม 2551 มีการเรียกดูโฆษณาบนไอพอดทัชในสหรัฐอเมริกาคิดเป็นร้อยละ 70  ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เป็นอันดับต้นๆ คือ แคนนาดา อังกฤษ เม็กซิโก เยอรมนี และฝรั่งเศส 
          ถึงปี พ.ศ. 2552 ไอพอดทัชจัดอยู่อันดับที่ 2 ของเว็บแอดม๊อบและมีส่วนแบ่งทางการตลาดคิดเป็นร้อยละ 4.7    ส่วนการเรียกดูโฆษณาบนไอโฟนและไอพอดทัชคิดเป็นร้อยละ 15.5 จากการเรียกดูโฆษณาทั่วโลก เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552 มีรายงานข่าวจากไอทีนิวส์ว่า  แอบเปิ้ลและซิสโคซิสเต็มใช้งานนิทรรศการแมคเวิล์ดเอ็กซ์โป (Macworld Expo) ที่เมืองซานฟรานซิสโก  รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นสถานที่เปิดตัวเว็บเอ็กซ์มีทติ้งเซ็นเตอร์ (Cisco’s WebEx Meeting Center)  ที่สามารถใช้กับไอโฟนสามจีของแอปเปิลและไอพอดทัช ผู้ใช้ไอโฟนและไอพอดทัชสามารถร่วมประชุมกันได้โดยผ่านระบบสามจีหรือไวไฟโดยไม่เสียค่าบริการในการประชุมกันผู้ใช้ที่ประสงค์จะเข้าประชุมสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมซิสโก้เว็บเอ็กซ์มีทติ้งเซ็นเตอร์จากเว็บของแอปเปิลได้อย่างไรก็ตามผู้ใช้ไม่สามารถใส่ข้อมูลการนำเสนองานของตนเองผ่านโปรแกรมนี้ได้แต่สามารถดูข้อมูลของผู้อื่นได้สำหรับไอพอดทัชนั้นผู้ใช้สามารถร่วมการประชุมผ่านการเชื่อมต่อไวไฟได้แต่จำเป็นต้องฟังเสียงจากเครื่องโทรศัพท์  
          จะเห็นได้ว่าวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมการใช้งานที่พัฒนาใหม่อยู่เสมอ ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านระบบมือถือได้สะดวกและ   รวดเร็วขึ้น ฉะนั้น ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือควรจะศึกษารายละเอียดข้อมูลโปรแกรมต่างๆ เกี่ยวกับมือถือให้เข้าใจ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตรงกับความต้องการและเต็มประสิทธิภาพของโทรศัพท์มือถือด้วย

No comments:

Post a Comment